วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566

"ความทุกข์ดั่งน้ำในอวน ยกอวนขึ้นมาน้ำก็หาย"


 "ความทุกข์ดั่งน้ำในอวน ยกอวนขึ้นมาน้ำก็หาย"


เริ่มต้นวันใหม่ ใครที่มีทุกข์ ขอให้หมดทุกข์
ใครที่ยากจน ขอให้ร่ำรวยและใครเจ็บป่วย
ขอให้หายป่วย เร็วไว ปรารถนา ทำสิ่งใดๆ
และขอให้สมหวัง โดยฉับพลัน ด้วยเทอญ🙏🏻

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 วันสารทกูย

 ขึ้น 14 ค่ำและ 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี

"บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ต้องได้กินดี อยู่ดี"
จะประกอบพิธีทั้งที่บ้านและที่วัด
ผู้คนที่นี่เป็นคนไทยชาติพันธุ์กูยหรือกวย มีภาษาพูดที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความเชื่อความศรัทธาในการรักษาประเพณีอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะวันสารทกูยหรือสารทกวย ซึ่งจะทำในวันขึ้น 14 ค่ำและ 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี
บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ต้องได้กินดี อยู่ดี
การเตรียมงานเทศกาลวันสารทสำคัญมาก สิ่งของต้องเตรียมมีมากโดยต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะมีทั้งของกิน ของใช้ ของสด ของแห้ง โดยเฉพาะอาหารการกินนั้นจะมากเป็นพิเศษ เพราะต้องใช้ทั้งการเซ่นไหว้ และนำไปในวันสารท ซึ่งอาหารนั้นมีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และล้วนแต่เป็นอาหารที่บรรพบุรุษ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ผู้ล่วงลับไปแล้วชอบกิน จำพวกขนม เช่น อาซอม ฮนอมโปม ผลหมากรากไม้, และอาหารต่าง ๆ เช่น กบ, ปลา,ไก่ย่าง , เนื้อวัว, เนื้อหมู ซึ่งต้องปิ้ง ย่าง นึ่ง หรือแกง เหล้ายาปลาปิ้งเพราะเป็นการประกอบอาหารของคนสมัยก่อนที่น้ำมันเป็นของหายาก
"ปีหนึ่งมีเพียงครั้งเดียวที่จะได้ทำบุญใหญ่ให้พ่อแม่ อาหารที่พ่อแม่เคยชอบกิน ยากลำบากแค่ไหนก็จะหา ทำแล้วมีความสุข"
ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 วันรวมญาติวันแห่งการเซ่นไหว้
"วันเซ่นไหว้" เป็นวันที่ลูกหลานจากที่ต่าง ๆ ทุกเพศ ทุกวัย กลับมารวมตัวกัน เพื่อนำอาหารมากมายที่เตรียมไว้ ไปเซ่นไหว้อัฐิของบรรพบุรุษ พ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้วที่เจดีย์ บริเวณรอบ ๆ กำแพงวัดซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน การเซ่นไหว้จะทำทั้งวัน ซึ่งจะมีการนิมนต์พระมาสวดมาติกาบังสุกุล







นอกจากการเซ่นที่วัดแล้ว ในเวลาเย็นถึงค่ำ จะรวมลูกหลานอีกครั้งที่บ้านหลังที่พ่อแม่หรือบรรพบุรุษเคยอยู่ก่อนเสียชีวิต เป็นการเซ่นไหว้แบบครอบครัว เมื่อเสร็จพิธีจะรับประทานอาหารที่นำมาเซ่นด้วยกัน ถือเป็นช่วงเวลาที่ญาติพี่น้องได้พบปะพูดคุย ได้แสดงให้ผู้ล่วงลับได้เห็นว่าลูกหลานมีความเป็นหนึ่งเดียว
ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 วันสารทกูย
วันสำคัญที่ทุกครอบครัวจะเตรียม ใส่ข้าวของเครื่องใช้ ของกิน อาหารคาวหวานอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นของสำหรับคนตาย ใส่ให้เต็ม ทั้งของสดของแห้ง ของกิน ของใช้ ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า ขัน เงิน ไฟแช็ค สบู่ ยาสระผม ความพิเศษคือห่อด้วยใบตองและมัดด้วยด้ายสีขาว และที่ขาดไม่ได้คือ พืชประเภทหัวและแตกหน่อ ไม่ว่าจะเป็น กระชาย ข่า ว่านไฟ ตะไคร้ หน่อไม้ โดยจะเขียนชื่อผู้ตายไว้ในกระดาษเสียบไป เสร็จแล้วพระสงฆ์จะทำมาติกาสวดบังสุกุล ลูกหลานนั้นจะกรวดน้ำ เรียกพ่อแม่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วให้มารับของที่นำมาให้ จะมีการเรียกชื่อตามสลากที่ได้เขียนไป มีข้าวปลาอาหารอุทิศให้พ่อ...แม่...ปู่ ย่าตายาย" เวลาเดียวกันผู้ที่อุทิศก็จะจุดธูปเทียนบอกกล่าว เพื่อให้ผีบรรพบุรุษที่รออยู่บริเวณนั้นได้เห็นและเข้ามารับเอาของไป พร้อมเรียกให้พ่อแม่มารับ สลากจะถูกอ่านจนครบทุกคน ทำพิธีกรวดน้ำ แล้ว ช่างเช้าวันขึ้น 15 ค่ำเดือน10 จะนำภัตตาหารหวานคาว พร้อมสิ่งของบริวารไปทำบุญที่วัด เป็นประเพณีของชาวกูยที่สืบทอดกันมา

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

คำว่า บิณฑบาต หมายถึงอะไร?

 การบิณฑบาต เป็นการโปรดญาติโยมให้ได้ทำบุญเป็นกุศล


ปัจจุบันการบิณฑบาตไม่ได้ยากลำบากมากมายเหมือนแต่ก่อน มีกำหนดเส้นทาง และมีญาติโยมมารอทำบุญแต่เช้าล่วงหน้า


นอกจากนั้นยังมีผลดีอื่นๆอีกเข่น สุขภาพดีขึ้นจากการเดินทุกวัน ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น

และ ได้เจริญสติระหว่างบิณฑบาต


 



คำว่า บิณฑบาต หมายถึงอะไร? 


1.บิณฑบาต อ่านว่า บิน-ทะ-บาด เป็นภาษาบาลี มาจากคำว่า ปิณฺฑ +ปาต 


        ปิณฺฑ แปลว่า ก้อนข้าว


        ปาต แปลว่า การตก จึงมีความหมายว่า การตกลงแห่งก้อนข้าว 


2.โดยทั่วไปคำนี้หมายถึง 


         กิจวัตรของพระภิกษุสงฆ์และสามเณรในพระพุทธศาสนา ในการออกเดินถือบาตรรับการถวายภัตตาหารหรือสิ่งของจากชาวบ้านในเวลาเช้า เรียกว่า การออกบิณฑบาต 


         การออกบิณพบาตของพระภิกษุเป็นกิจวัตรที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้ ให้เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพระองค์ทรงสรรเสริญการบิณฑบาตว่า เป็นกิจอันประเสริฐ หรือในสามัญเรียกว่า การโปรดสัตว์ 


         เพราะการออกบิณฑบาตนั้นเป็นการเผยแผ่พระศาสนาทางหนึ่งด้วย ดังนั้นในสมัยพุทธกาลที่พระภิกษุสงฆ์จะเทศนาโปรดแกบรรดาชาวบ้านซึ่งมาร่วมทำบุญ อันเป็นเหตุแห่งการสวดให้พรหลังภัตตกิจในปัจจุบันนี้

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

สวนธนากร พอเพียงตำบลกู่ พัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา สร้างความเข้มแข็งเรื่องอาหาร

 สวนธนากร พอเพียงตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ

 ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา สร้างความเข้มแข็งเรื่องอาหาร พืชผัก อันเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของครอบครัว มีข้าว มีปลา สามารถเลี้ยงดูคนในครัวครัวและชุมชนได้







สันติภาพลงดิน สันติภาพกินได้ สันติภาพตามกรอบของหลักสูตรสันติศึกษา มจร ประกอบด้วย 4  ภาพ คือ สันติภาพเชิงกายภาพ สันติภาพเชิงพฤติภาพในชุมชนและสังคม สันติภาพเชิงจิตภาพ และสันติภาพเชิงปัญญาภาพ 

ภาวะผู้กับทักษะการเสริมสร้างชุมชนและสังคมสันติสุข คือ พุทธกสิกรรมโคกหนองนาสันติศึกษาโมเดล


หลักธรรมในความเป็นจริง พุทธกสิกรรมสามารถแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็นจึงเป็นฐานของการชีวิตให้มีความสุข  สุดท้ายจะมีการแบ่งปันการให้คนอื่นรวมถึงต่อยอดในการแปรรูปต่างๆ สร้างเครือข่ายให้เกิดพลัง

"ยังได้นำผลผลิตจากโคก หนอง นา ในพื้นที่ มาแบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นการแสดงความเกื้อกูลและเอื้ออาทรจากการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้แก่ผู้ที่มีความเดือดร้อน เช่น พืชผักสวนครัว ไม้ผล ข้าวสารอาหารแห้ง และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ตามคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งให้ไป ยิ่งได้มา” Our Loss is OurGain โดยพลังเครือข่ายแบบหลัก บวร. คือ บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ซึ่งในอดีตสังคมไทยเราก็ใช้หลักการนี้ ในการเกื้อกูลและความมีน้ำใจต่อกัน เป็นตัวเชื่อม ให้เกิดความรู้รักสามัคคีขึ้นในชุมชนท้องถิ่น”

อบรมหลักสูตรวิชาการเทศนา รุ่นที่ ๒๘ ปี ๒๕๖๖

['ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเทศน์'] แก่ผู้เข้าอบรมศึกษาหลักสูตรวิชาการเทศนา ในโครงการอบรมหลักสูตรวิชาการเทศนา รุ่นที่ ๒๘ ปี ๒๕๖๖ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ณ หอประชุมสิริภักดีธรรม ชั้น ๓ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยองค์การเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาส ร่วมกับศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ซึ่งกำหนดให้การอบรมระหว่างวันที่ ๙ สิงหาคม. -๖ พฤศจิกายน๒๕๖๖ (ทุกวันพระ ๑๖.๐๐-๒๑.๐๐น.)
เป็น #พระนักเทศน์ รุ่นที่ ๒๘ ณ วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร พระอารามหลวง






ภารกิจสำคัญของการศึกษาคือ การฝึกอบรมบุคคลให้พัฒนาปัญญา ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในข้อเท็จจริงและสภาวะของสิ่งทั้งหลาย มีทัศนคติต่อสิ่งทั้งหลายอย่างถูกต้อง ปฏิบัติและจัดการกับสิ่งทั้งหลายตามที่ควรจะเป็น เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์ตน คือ ความมีชีวิตอยู่อย่างสำเร็จผลดีที่สุด มีจิตใจเป็นอิสระ มีสุขภาพจิตสมบูรณ์ และประโยชน์ต่อผู้อื่น
คือ สามารถช่วยสร้างสรรค์ประโยชน์สุขแก่ชนทั้งหลายที่อยู่ร่วมกันเป็นสังคมได้
ลีลาการสอน
เมื่อมองกว้างๆ การสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละครั้ง จะดำเนินไปจนถึงผลสำเร็จ โดยมีคุณลักษณะซึ่งเรียกได้ว่าเป็นลีลาในการสอน ๔ อย่าง ดังนี้
๑. สันทัสสนา อธิบายให้เห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง เหมือนจูงมือไปดูเห็นกับตา
๒. สมาทปนา จูงใจให้เห็นจริงด้วย ชวนให้คล้อยตาม จนต้องยอมรับและนำไปปฏิบัติ
๓. สมุตเตชนา เร้าใจให้แกล้วกล้า บังเกิดกำลังใจ ปลุกให้มีอุตสาหะแข็งขัน มั่นใจว่าจะทำให้สำเร็จได้ ไม่หวั่นระย่อต่อความเหนื่อยยาก
๔. สัมปหังสนา ชโลมใจให้แช่มชื่น ร่าเริง เบิกบาน ฟังไม่เบื่อ และเปี่ยมด้วยความหวัง เพราะมองเห็นคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติ
อาจผูกเป็นคำสั้นๆ ว่า แจ่มแจ้ง จูงใจ หาญกล้า ร่าเริง หรือ ชี้ชัด เชิญชวน คึกคัก เบิกบาน
ธมฺมธราโภ ภิกฺขุ
นธ.เอก,ป.อบ.,ศศ.บ.,นิสิต ป.โท รุ่น๑๑ สันติศึกษา
วัดใหม่ยายแป้น บางขุนนนท์ กทม.

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อน โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ประจำปี พ.ศ.2566

 ข้าร่วมเรียนรู้“วัดต้นแบบ สร้างมาตรฐานดีเด่น”, “สถานศึกษาต้นแบบ บวร สวยด้วยมือเรา” และองค์กรภาคีความร่วมมือดำเนินงาน “โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข”



ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อน โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ประจำปี พ.ศ.2566
วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ.2566 เวลา 08.30 น. - 16.00 น.
On-Site ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ วัดเขียนเขต พระอารามหลวง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
Online ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Zoom และ Facebook
Download : เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๖ ได้ที่ : https://drive.google.com/.../1ijqr0UG8fUbfbk2c2SSKyzdoZ1B...

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566

“สันติภาพทุกลมหายใจ คุณธรรมสัมผัสได้โลกร่มเย็น” กับศูนย์คุณธรรม

“สันติภาพทุกลมหายใจ คุณธรรมสัมผัสได้โลกร่มเย็น”

 คุยงานสานต่อกับศูนย์คุณธรรม ที่เคยทำงานร่วมกันมา จังหวัดคุณธรรม,อำเภอคุณธรรมนำร่อง






เรื่อง “สันติภาพทุกลมหายใจ คุณธรรมสัมผัสได้โลกร่มเย็น” โดยกล่าวถึงรายงานสถานการณ์คุณธรรมประจำปี 2566 ข้อมูลการวิจัยดัชนีชี้วัดคุณธรรม และต้นทุนชีวิต ที่จะเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
🕊ทั้งนี้ งานประชุมสัมมนาวิชาการวันสันติภาพสากล จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ ๖ มุ่งเน้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยศูนย์คุณธรรม(องค์การมหาชน) ได้ร่วมออกบูธนิทรรศการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับคุณธรรม พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนคุณธรรในระดับบุคคล ชุมชน องค์กร เพื่อให้เกิดสังคมสันติสุขต่อไป

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2566

ผู้จัดการศูนย์ดิจิทัลชุมชน อุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

 เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี

กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร
เมตตาเป็นประธานมอบเกียรติบัตรแด่พระนวกะ
ในโครงการบรรพชาอุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ระหว่างวันที่ ๒๕ มีนาคม - ๙ เมษายน ๒๕๖๖
โดยคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร
วันอาทิตย์ ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖
ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
<script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-9556398221605919" crossorigin="anonymous"></script>
ในการนี้ ผู้จัดการศูนย์ดิจิทัลชุมชน ตำบลกู่ เข้า อุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2566

นิสิต หลักสูตรวิชาสันติศึกษา ป.โท รุ่น11 มจร. "นำธรรมะสู่โรงเรียน"ด้วยสันติสุุข

 นิสิต สันติศึกษา ป.โท รุ่น11 มจร.

 "นำธรรมะสู่โรงเรียน"ด้วยสันติสุุข


เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 ที่ หอประชุมโรงเรียนวัดคฤหบดี(จันทรสถิตย์)พบ สำนักงานเขตบางพลัด กทม. นางจิตติยา โชทนากุล ผอ.โรงเรียน เป็นประธานเปิดโครงการอบรมคุณธรรมและจริยธรรม ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 5ก.ย.2566 โดยมีพระเมธีวัชรบัณฑิต ศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ให้ความอนุเคราะห์พระวิทยากร ในการอบรมครั้งนี้ โดยมี พระธนากร ธมฺมธราโภ 

พระสงฆ์นักเผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดใหม่ยายแป้น 

นิสิต ป.โท รุ่น11 หลักสูตรสันติศึกษา มจร. เป็นหัวหน้าพระวิทยากร และผู้เกี่ยวข้องร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดคฤหบดี(จันทรสถิตย์)ชั้นประถมศึกษาปีที่1- 6 รวม 70 คน เข้ารับการอบ


       ด้านพระธนากร ธมฺมธราโภ หัวหน้าพระวิทยากรกล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อให้นักเรียนได้ใช้หลักธรรมเป็นพื้นฐานในการให้ความรู้พัฒนาจิตใจให้มีคุณธรรมจริยธรรม และได้นำหลักสันติศึกษา มาอบรมให้เด็กนักเรียนมีความรับผิดชอบรู้จักพึ่งพาตนเอง และให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ในสภาวะปัจจุบัน พัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม วัฒนธรรมในการดำเนินชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและเกิดสันติสุขในสังคม ประเทศชาติต่อไป











วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

ชาวกูยบ้านกู่ ศรีสะเกษ ร่วมงาน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2566 เทศกาลดอกลำดวนบาน สืบสานประเพณีสี่เผ่าไทศรีสะเกษ ประจำปี 2566

ชาวกูยบ้านกู่ ศรีสะเกษ ร่วมงาน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2566 เทศกาลดอกลำดวนบาน สืบสานประเพณีสี่เผ่าไทศรีสะเกษ ประจำปี 2566









เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะ ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมชองชน 4 เผ่า คือ ลาว เขมร ส่วย เยอ ของจังหวัดศรีสะเกษ รวมส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่เอกลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ  มีการแสดงแสง สี เสียง อารยธรรมแห่งศรัทธา มนตราศรีพฤทเธศวร เพื่อสืบสานตำนานการสร้างเมืองศรีสะเกษ ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ท่ามกลางบรรยากาศ และกลิ่นหอมของดอกลำดวนที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งกว่า 50,000 ต้น

ชุมชนม่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชาวกูยบ้านกู่ ได้นำผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นของจังหวัดศรีสะเกษ เช่น ผ้าทอไหมพื้นบ้าน  อาหารพื้นถิ่น จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น OTOP จังหวัดศรีสะเกษ สาธิตมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น ในบรรยากาศบรรยากาศ มหัศจรรย์เมืองศรี  สีสันเมืองดอกลำดวน  สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ OTOP เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สมดังคำว่า “อะไร ๆ ก็ดีที่ศรีสะเกษ”